รายละเอียดราคา ตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 6 รายการ สำหรับผู้ชาย 1 ครั้ง รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล มีรายการตรวจดังนี้
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์
- ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAb)
- ตรวจหาเชื้อเอดส์ (HIV)
- ตรวจหาการติดเชื้อซิฟิลิส (VDRL)
- ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Anti HCV)
หมายเหตุ
- หากแพทย์แนะนำให้มีการรักษาด้วยยา จะมีค่ายา ค่าตรวจ ค่าบริการเพิ่มเติมตามจริง (เจ้าหน้าที่คลินิกจะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่าย)
- หากต้องการใบรับรองแพทย์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม จ่ายที่คลินิก
- สำหรับสาขากรุงเทพฯ จ่ายเพิ่ม 150 บาท
- สำหรับสาขาอื่นๆ จ่ายเพิ่ม 100 บาท
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 30-45นาที
- ทราบผลประมาณ 1 วันหลังรับบริการ โดยแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับฟังผลการตรวจอีกที ไม่สามารถรับผลทางอีเมลได้
- แพทย์ออกตรวจช่วงเวลา 09.00 - 20.00 น. (พักช่วงเวลา 12.00-13.00 / 17.00-18.00 น.)
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดมีเพศสัมพันธ์ 1 วันก่อนรับบริการ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- มีอาการผิดปกติที่อาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น คัน เป็นผื่น ตุ่ม เป็นฝี มีหนองไหล หรือเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน เช่น ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยรั่ว แตก หลุด หรือฉีกขาดขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง เช่น เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีคู่นอนหลายคน มีคู่นอนที่เสี่ยงต่อการติดโรค
- ผู้ที่วางแผนแต่งงาน วางแผนการมีบุตร หรือต้องการตรวจก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรักและทารกในครรภ์
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases: STD) หมายถึง โรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ (กามโรค) ทั้งการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก ซึ่งสามารถติดต่อผ่านทางเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัมผัสถูกสารคัดหลั่ง หรือแพร่จากแม่สู่ลูกได้ด้วย
ตัวอย่างของโรค STD เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส แผลริมอ่อน หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก เริม เชื้อเอชพีวี (HPV) เชื้อเอชไอวี (HIV) ไวรัสตับอักเสบ โลน หิด พยาธิในช่องคลอด เชื้อราในช่องคลอด เป็นต้น
การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อาจแสดงอาการหรือไม่มีอาการใดเลยก็ได้ หากไม่มีอาการ วิธีเดียวที่จะรู้ได้คือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการของโรค STD
โรค STD แต่ละชนิดมีอาการแตกต่างกันไป โดยทั่วไปจะสังเกตได้จากลักษณะอาการต่อไปนี้
- คัน เป็นผื่น ตุ่ม หรือแผลบริเวณอวัยวะเพศ
- เป็นฝี มีหนองไหล ที่อวัยวะเพศ
- เจ็บหรือปวดบริเวณอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น ในผู้หญิง
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD Test) เป็นการตรวจหาเชื้อก่อโรคที่ติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ อาจตรวจจากตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ หรือตัวอย่างอื่น ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและวิธีที่ใช้ตรวจ
การตรวจ STD สำคัญอย่างไร?
- หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย จะมีโอกาสติดโรคจากคู่นอนที่มีเชื้อก่อโรคอยู่ การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นระยะๆ ถือเป็นส่วนสำคัญในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (safe sex)
- ทำให้คลายความกังวลในผู้ที่สงสัยว่าอาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์ หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะติดโรค เช่น มีคู่นอนหลายคน คู่นอนมีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งที่มีอาการผิดปกติ และไม่มีอาการแสดงใดๆ
- เนื่องจากการติดเชื้อบางอย่างใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการ การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงมีความสำคัญเพื่อให้ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
- หากพบว่ามีการติดเชื้อจะได้วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยให้เชื้อลุกลามจนรักษายาก ส่งผลกระทบรุนแรงต่อส่วนอื่นของร่างกาย หรือกลายเป็นโรคมะเร็ง